odf_logo-1-2

กองทุนผู้สูงอายุ

เพื่อการคุ้มครอง ส่งเสริมและสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

หมวดหมู่: สาระน่ารู้

หัวใจของนักสังคมสงเคราะห์

เรื่องราวของ “พี่มุ่ย” ธัญธิตา พุ่มอิ่ม ผู้หญิงธรรมดาที่ศรัทธาในอาชีพ…จนกลายเป็นพลังพิเศษของระบบราชการ

“เราอาจช่วยเขาไม่ได้ทั้งหมด แต่แค่เขายิ้มได้ มีแรงจะลุกขึ้นอีกครั้ง เราก็มีความสุขไปด้วยแล้ว” เสียงจากใจของ พี่มุ่ย – ธัญธิตา พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการกลุ่มบริการ กองบริหารกองทุนผู้สูงอายุ อาจเป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่กลับสะท้อนสาระสำคัญของอาชีพ นักสังคมสงเคราะห์ ได้ชัดเจนที่สุด อาชีพที่ต้องทำด้วย หัวใจ ไม่ใช่แค่ หน้าที่

กว่าสองทศวรรษบนเส้นทาง “ศรัทธาในคุณค่าของมนุษย์”

สำหรับพี่มุ่ยการทำงานในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่คือภารกิจชีวิต ตลอดเวลากว่า 20 ปีในระบบราชการ เธอไม่ได้เพียงยึดมั่นในบทบาท แต่เธอยัง “ศรัทธา” ในพลังของมนุษย์คนหนึ่งที่พร้อมจะลุกขึ้นใหม่ หากได้รับโอกาส พี่มุ่ยเริ่มต้นจากตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ 3 เดินทางผ่านงานด้านคนพิการ ผู้หญิง เด็ก เยาวชน และในช่วงปลายของชีวิตราชการ เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านผู้สูงอายุ ซึ่งเปลี่ยนจากโครงการช่วยเหลือแบบครั้งคราวไปสู่การสร้างระบบสนับสนุนอย่างยั่งยืนผ่านกองทุนผู้สูงอายุ เราไม่ได้แค่ให้เงินแต่เราต้องทำให้เขาเชื่อว่าตัวเขายังมีคุณค่าเพราะบางครั้งศักดิ์ศรีของมนุษย์มันอยู่ที่การลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่การรอความช่วยเหลือประสบการณ์การช่วยหญิงสาวติดเชื้อ HIV/AIDS รายหนึ่งให้มีอาชีพกลายเป็นทั้งแรงบันดาลใจ      และหัวข้อวิจัยระดับปริญญาโทในหัวข้อ การสร้างพลังอำนาจในตัวเองของสตรีที่ติดเชื้อ HIV/AIDS” ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าการพัฒนาสังคมไม่ใช่เรื่องของโครงการ แต่คือความต่อเนื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง “รัฐ” กับ “ประชาชน” อย่างแท้จริง

การฟังอย่างแท้จริงคือเครื่องมือสำคัญที่สุดของนักสังคมสงเคราะห์

แม้พี่มุ่ยจะเคยดำรงตำแหน่งในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ มานานนับสิบปีแต่การย้ายมาทำงานด้านผู้สูงอายุที่ดูเหมือนเป็น “กลุ่มเป้าหมายปลายทาง” กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกว่าได้กลับมายืนอยู่ในพื้นที่ของ “หัวใจมนุษย์” อย่างแท้จริงผู้สูงวัยไม่ได้ต้องการอะไรซับซ้อน พวกเขาแค่อยากมีคนฟัง และไม่ถูก   มองข้าม สำหรับพี่ มันเหมือนคุยกับพ่อแม่ที่บ้าน มันคือความอ่อนโยนที่เราพกมาตั้งแต่เด็ก เธอเชื่อว่าผู้สูงอายุยังมีศักยภาพ แม้ร่างกายจะเปลี่ยนไป และนั่นคือเหตุผลที่งานของนักสังคมสงเคราะห์ต้องมองข้ามตัวเลขอายุ ไปยัง “ทุนชีวิต” ที่แต่ละคนแบกมาเพื่อจะสามารถออกแบบการสนับสนุนที่เหมาะสมกับศักยภาพนั้นได้

นอกจากนี้กองทุนผู้สูงอายุยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาทักษะอาชีพผ่านการให้เงินสนับสนุนชมรม/องค์กรของผู้สูงอายุ และองค์การเอกชน ที่ได้รับการรับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยขน์ ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการคุ้มครอง ส่งเสริม สนับสนุนผู้สูงอายุอีกด้วย เพื่อให้ผู้สูงวัยไม่ได้รับแค่ “เงินทุน” แต่ยังได้รับ “เครื่องมือ” ที่จะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน

นักสังคมสงเคราะห์ = ผู้อยู่กับความเจ็บปวด…โดยไม่หันหน้าหนี

ในการนิยามอาชีพของตัวเอง พี่มุ่ยไม่ได้พูดถึงภารกิจในเชิงโครงการหรือระเบียบราชการแต่กลับ     พูดถึง “หัวใจ” อย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง มันไม่ใช่แค่อาชีพ แต่มันคือหัวใจของคนที่เลือกจะอยู่กับความเจ็บปวดของคนอื่นเพื่อจะทำให้เขากลับมายืนได้อีกครั้งนักสังคมสงเคราะห์ไม่ใช่ผู้แก้ปัญหาแทน แต่คือคนที่ไม่  ละสายตาไปจากผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง คอยอยู่ตรงนั้นแม้ในวันที่ทุกคนเดินผ่านไป และนั่นคือบทบาทที่ไม่มีระบบราชการใดระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมวิชาชีพที่ต้องสั่งสมผ่านประสบการณ์ และหัวใจ

ถอดบทเรียนเพื่อส่งต่อไฟในมือคนรุ่นใหม่

หลังจากรับราชการกว่า 20 ปีแต่สิ่งที่เธอฝากไว้ไม่ใช่เพียงแฟ้มงาน หรือผลสัมฤทธิ์ในรายงาน         หากคือแนวคิดที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของงานสังคมสงเคราะห์ในประเทศไทย การทำงานราชการอาจมีข้อจำกัด แต่อย่าลืมว่าความศรัทธาในอาชีพคือพลังที่ทำให้เรายังเปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้ แม้จะเป็นแค่หนึ่งคนในร้อยคนในระบบที่อาจเคลื่อนตัวช้า ในพื้นที่ที่นโยบายยังไม่สมบูรณ์บทบาทของคนตัวเล็ก ๆ ที่มีหัวใจใหญ่มาก ๆ นั้น คือหัวใจของระบบสวัสดิการทั้งหมด

หัวใจนั้น จะยังอยู่ต่อไปในมือของคุณ

แม้จะวางมือจากตำแหน่ง แต่พี่มุ่ยไม่ได้วางหัวใจเธอฝากแรงบันดาลใจไว้ในทุกไฟล์งานที่ยังหมุนอยู่ในระบบ ฝากไว้ในทุกบทสนทนาที่เคยรับฟังผู้คนและที่สำคัญฝากไว้ในความกล้าหาญของนักสังคมสงเคราะห์   รุ่นใหม่ทุกคน อย่ากลัวที่จะฟัง อย่ากลัวที่จะรู้สึก และอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนบางอย่าง เพราะนั่นคือสิ่งที่คนในวิชาชีพนี้ควรจะกล้าทำแม้จะอยู่ในกรอบของระบบ

หากคุณเป็นนักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้ปฏิบัติงานในรัฐ บทสัมภาษณ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าจากรุ่นพี่ แต่คือ บทเรียนแห่งการศรัทธาในมนุษย์ ที่รอการส่งต่อในมือคุณ

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 124 คน

ทักษะใหม่ในวัยเดิม คือ โอกาสใหม่ที่เป็นไปได้

"วัยเกษียณ" จุดเริ่มต้นของ “โอกาสใหม่” ที่ต้องออกแบบให้เกิดขึ้นจริง

ในวันที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” เส้นทางชีวิตหลังวัย 60 ปี กลับไม่ใช่บทสุดท้ายของความสงบสุขอย่างที่หลายคน
เคยวาดฝันไว้ ผู้สูงอายุจำนวนมากยังคงต้องทำงานเพื่อเลี้ยงตัวเอง เพื่อช่วยครอบครัว หรือแม้กระทั่งเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของการมีชีวิตอย่างการ
พึ่งพาตัวเองให้ได้นานที่สุด แต่การทำงานในวัยหลังเกษียณกลับไม่ง่าย เมื่อระบบตลาดแรงงานไม่เอื้อ ความรู้เก่ากลายเป็นสิ่งล้าสมัย รายได้ไม่มั่นคง
และโอกาสในการเรียนรู้แทบไม่เปิดรับอีกต่อไป นี่ไม่ใช่ปัญหาของคนวัยเกษียณเท่านั้นหากแต่เป็น “โจทย์ของสังคมไทย” ที่ต้องเร่งตอบให้ทันก่อนที่คนรุ่นเราจะก้าวเข้าสู่วัยเดียวกันนั้น

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2563 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุที่ยังคงทำงานกว่า 4 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่กลับอยู่นอกระบบแรงงาน ซึ่งหมายถึงการไม่มีหลักประกัน ไม่มีสวัสดิการ และไม่มีรายได้ที่มั่นคงอย่างแท้จริง ที่น่ากังวลกว่านั้นคือ ผู้สูงอายุจำนวนมากต้องเผชิญความยากลำบาก
ในชีวิตประจำวัน ทั้งเรื่องรายจ่ายที่สูงขึ้น รายรับที่ไม่แน่นอน และภาระหนี้สินที่ยังไม่หมดแม้จะเข้าสู่วัยเกษียณแล้วนี่จึงไม่ใช่เรื่องของปัจเจกบุคคลอีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความจำเป็นในการ “ออกแบบระบบใหม่” ที่สามารถพยุงผู้สูงอายุให้มีรายได้ มีทักษะใหม่ และมีชีวิตที่มั่นคงโดยไม่ต้องพึ่งพิงเพียงเบี้ยยังชีพหรือความหวังจากลูกหลาน

ทักษะใหม่ในวัยเดิม = โอกาสใหม่ที่เป็นไปได้

หากเรายังคงปล่อยให้ผู้สูงอายุเป็นเพียง ผู้รับสวัสดิการ โดยไม่มีการลงทุนในศักยภาพของพวกเขา เท่ากับเรากำลังละทิ้งทรัพยากรมนุษย์ที่มีประสบการณ์อันล้ำค่าให้สูญเปล่า ในความเป็นจริง ผู้สูงวัยคือกำลังสำคัญที่สามารถ “สร้างเศรษฐกิจสีเงิน” หรือ Silver Economy ได้ หากได้รับโอกาสในการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ข้อเสนอจากนักวิจัยระบุว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมี “แผนระดับชาติ” สำหรับการพัฒนาทักษะแรงงานผู้สูงอายุ โดยไม่มองว่าเป็นเรื่องเฉพาะกิจหรือการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป แต่ต้องบูรณาการหน่วยงานรัฐ เอกชน และสถานศึกษาเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งจัดตั้งฐานข้อมูลแรงงานสูงอายุ ระดับประเทศ และให้ทุนสนับสนุนการเรียนรู้ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออนไซต์


ยิ่งไปกว่านั้นเราควรสร้างวัฒนธรรมใหม่ของสังคมไทยที่มองเห็นคุณค่าของการเรียนรู้ตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่ในช่วงวัยทำงาน แต่ตลอดจนถึงหลังเกษียณ หากคนวัย 60 – 70 ปี ยังสามารถเรียนรู้ เปิดร้านค้าออนไลน์ สอนพิเศษ หรือให้คำปรึกษาทางธุรกิจได้ นั่นย่อมหมายถึงรายได้ที่ยั่งยืน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ที่ไม่ลดลงตามอายุ การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้เรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) หรือ ยกระดับทักษะเดิม (Upskill) คือหนึ่งในคำตอบสำคัญต่อวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น งานวิจัยของมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทยเสนอให้มีการจัดทำแผนระดับชาติในการพัฒนาทักษะแรงงานสูงวัย พร้อมทั้งออกแบบระบบฝึกอบรมที่ตอบโจทย์ความสามารถของผู้สูงอายุอย่างแท้จริง ตัวอย่างของทักษะที่เหมาะสมกับผู้สูงวัย เช่น การขายของออนไลน์ การแปรรูปอาหาร งานหัตถกรรมพื้นบ้าน การดูแลเด็กหรือผู้สูงวัยด้วยกัน ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพใหม่ได้จริง และไม่จำเป็นต้องใช้แรงกายมากเหมือนงานในอดีต


“กองทุนผู้สูงอายุ” ได้พิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมแล้วว่า Reskill / Upskill สำหรับผู้สูงวัย ไม่ใช่แนวคิดในกระดาษ แต่กำลังเกิดขึ้นจริงในทุกภูมิภาคของประเทศไทยผ่านการให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ชมรม องค์กรผู้สูงอายุ และภาคีเครือข่ายเพื่อส่งเสริมชมรมฯ มีส่วนร่วมในการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ โดยมีโครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ (สะสมตั้งแต่ปี 2550 – 2567) จำนวน 2,864 โครงการ สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 296,860,829 บาท แต่สำคัญที่สุดคือ การฝึกทักษะเหล่านี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่ “ห้องเรียน” แต่เชื่อมต่อโดยตรงกับ “แหล่งทุนจริง” ผ่าน “เงินกู้ปลอดดอกเบี้ย” รายบุคคล และรายกลุ่ม ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุ ทำให้พวกเขาเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ได้จริง โดยไม่กลายเป็นหนี้ที่สร้างภาระในระยะยาว

กองทุนผู้สูงอายุเปลี่ยนเงินกู้ให้กลายเป็น “ทุนชีวิต”

ภายใต้ภารกิจสำคัญที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 กองทุนผู้สูงอายุไม่ใช่เพียงแหล่งเงินกู้ แต่คือหนึ่งในกลไกของภาครัฐที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้สูงวัยมีอาชีพ มีรายได้ และสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้อย่างยั่งยืน เงินกู้ของกองทุนมีลักษณะเป็น “ทุนหมุนเวียน” ไม่คิดอกเบี้ย และมีกำหนดระยะเวลาที่ต้องชำระคืนภายใน 3 ปี รายได้ที่คืนกลับเข้ากองทุนจะกลายเป็นโอกาสของผู้สูงวัยคนถัดไปที่รอโอกาสนี้อยู่เช่นกัน ทำให้เงินทุกบาทหมุนต่อไปได้ไม่รู้จบ

นอกจากนี้กองทุนผู้สูงอายุยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาทักษะอาชีพผ่านการให้เงินสนับสนุนชมรม/องค์กรของผู้สูงอายุ และองค์การเอกชน ที่ได้รับการรับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยขน์ ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการคุ้มครอง ส่งเสริม สนับสนุนผู้สูงอายุอีกด้วย เพื่อให้ผู้สูงวัยไม่ได้รับแค่ “เงินทุน” แต่ยังได้รับ “เครื่องมือ” ที่จะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน

ตัวอย่างความสำเร็จในชีวิตจริงมีอยู่ทั่วประเทศ เช่น นายวิชัย สุวรรณโชติ วัย 66 ปี ที่เคยมีรายได้จากการเลี้ยงกระบือเดือนละไม่ถึง 3,000 บาท หลังได้ทุนจากกองทุน รายได้ขยับขึ้นเกือบเท่าตัว และเริ่มมีเงินออมครั้งแรกในชีวิต นายสุวิทย์ ปัญญานันทกุล ผู้ค้าแว่นตา วัย 70 ปี หลังได้ทุนเพิ่มสินค้าและปรับร้านค้า รายได้พุ่งจาก 6,600 เป็น 15,700 บาทต่อเดือ และนายประสิทธิ สว่างศรี วัย 77 ปี ผู้ขายขนมไทยจากสูตรโบราณที่ถ่ายทอดจากแม่ รายได้ทะยานจาก 10,700 เป็น 42,700 บาทต่อเดือนในเวลาเพียงไม่กี่เดือน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่การสร้าง “รายได้” แต่คือการคืน “ศักดิ์ศรี” และ “พลังใจ” ให้ผู้สูงอายุรู้สึกว่าพวกเขายังสำคัญ ยังมีคุณค่า และยังเป็นผู้ให้ได้แม้จะเกษียณแล้ว

ผู้สูงวัยไม่ใช่แค่คนเคยทำงาน แต่คือพลังเงียบของเศรษฐกิจ และรากฐานของสังคมที่ยั่งยืน

การสร้างสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพไม่สามารถอาศัยเพียงเบี้ยยังชีพ หรือสวัสดิการ แต่เราต้องมีความเชื่อมั่นในการลงทุนต่อศักยภาพของผู้คน ไม่ว่าจะผ่านการเรียนรู้ใหม่ การเปิดโอกาสให้ทำงาน หรือการส่งเสริมให้พึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี เราทุกคนกำลังเดินเข้าสู่วัยเดียวกับพวกเขาในไม่ช้า
สิ่งที่เราทำวันนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อ “ผู้สูงวัย” แต่คือการวางระบบที่เราจะได้ใช้ในวันข้างหน้าเช่นกัน

บทความโดย: นายรัฐวิทย์ บุราคม
อ้างอิง:
1. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย. (2564) ข้อเสนอการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาทักษะการทำงาน (Reskill และ Upskill) เพื่อสร้างหลักประกันรายได้ผู้สูงอายุ
2. กรมกิจการผู้สูงอายุ. (2566). รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.. 2565
3. กองทุนผู้สูงอายุ. (2567). รายงานผลการดำเนินงานประจำปี พ.. 2567
จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 94 คน

“สังคมสูงวัย” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว

เมื่อวัยเก๋า...กลายเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน

ลองจินตนาการดูสักนิด…อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า คนที่เรารักคุณพ่อคุณแม่ของเราก็จะก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ และ ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น คือ เราทุกคนก็จะเดินทางไปถึงจุดนั้นเหมือนกัน ประเทศไทยในวันนี้กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น “สังคมสูงวัย” อย่างเต็มรูปแบบซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของคนวัยเกษียณอีกต่อไป แต่มันคือเรื่องของ “ทุกคน” เพราะสังคมที่มีผู้สูงอายุมากขึ้น กำลังเปลี่ยนแปลงทุกด้านของชีวิตตั้งแต่ครอบครัว ไปจนถึงเศรษฐกิจบทความนี้จึงอยากชวนคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “สังคมสูงวัย” ให้มากขึ้น

สังคมสูงวัยคืออะไร

“สังคมสูงวัย” คือสังคมที่มีผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มากกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด หรือมีผู้สูงอายุวัยมาก (65 ปีขึ้นไป)
มากกว่าร้อยละ 14 ในปี 2023 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุเกิน 13 ล้านคน และภายในเวลาอีกไม่กี่ปี จะเพิ่มเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ
พูดง่าย ๆ ก็คือ ทุก 3 คน จะมี 1 คนที่เป็นผู้สูงอายุนั่นเอง

เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับคนรุ่นใหม่อย่างเรา

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเราอย่างแน่นอน เพราะพ่อแม่ของเรากำลังก้าวเข้าสู่วัยเกษียณ การเข้าใจสภาพร่างกาย จิตใจ และความต้องการของท่าน จะช่วยให้เราดูแลได้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ อารมณ์ หรือความมั่นคงทางการเงิน เพราะเราเองก็จะเข้าสู่วัยสูงอายุในอนาคตการวางแผนชีวิตตั้งแต่วันนี้
ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพ การเงิน หรือความสัมพันธ์ คือลงทุนให้ตัวเองมีชีวิตที่มั่นคงและมีคุณภาพในวัย 60+ เพราะโลกของการทำงานจะเปลี่ยนไปตามโครงสร้างประชากร ธุรกิจ อาชีพ และบริการจะปรับตามความต้องการของผู้สูงวัย เกิดอาชีพใหม่ ๆ อย่างเช่น Care Manager, นักออกแบบผลิตภัณฑ์สูงวัย, นักพัฒนาชุมชนผู้สูงอายุ ฯลฯ ยิ่งเข้าใจเร็ว เราก็ยิ่งพร้อมปรับตัวและเติบโตไปกับการเปลี่ยนแปลรเปลี่ยนแปลง

เปลี่ยนมุมมอง… สังคมสูงวัยไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า

เราอาจคุ้นกับภาพของผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเงียบ ๆ อย่างโดดเดี่ยวแต่ความจริงคือ ผู้สูงวัยจำนวนมากยังมีศักยภาพ มีพลัง และมีความฝัน “คนวัยเก๋า” เหล่านี้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า สร้างแรงบันดาลใจ และมีส่วนร่วมกับสังคมได้อย่างน่าทึ่ง สังคมสูงวัยจึงไม่ควรถูกมองว่าเป็น “ปัญหา” แต่มันคือ โอกาส ที่จะออกแบบโลกให้เหมาะกับคนทุกวัยโดยเฉพาะกับกลุ่มที่เคยดูแลเราเมื่อวันวาน

แล้วเราจะเริ่มต้นจากตรงไหนได้บ้าง

✅ เรียนรู้: หาข้อมูลเรื่องสิทธิของผู้สูงอายุ การดูแลสุขภาพ หรือการวางแผนการเงินระยะยาว

✅ สื่อสารกับครอบครัว: เปิดใจคุยกันเกี่ยวกับความต้องการ ความกลัว หรือแผนชีวิต

✅ ร่วมสร้างสังคมที่เข้าใจผู้สูงวัย: ไม่มองว่าผู้สูงอายุเป็น “ภาระ” แต่เป็นทรัพยากรทางประสบการณ์

✅ ดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้: เพราะการแก่แบบมีคุณภาพ…เริ่มได้ที่เราเองในวัยนี้

เพราะสังคมสูงวัย…คือบ้านที่เราทุกคนจะเดินทางไปถึง มอง “สังคมสูงวัย” ไม่ใช่แค่เรื่องของพวกเขา แต่มันคือ “เรื่องของพวกเรา”
ที่จะต้องออกแบบ และเตรียมไว้ตั้งแต่วันนี้เพื่อให้การเดินทางสู่วันข้างหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหมาย ความอบอุ่น
และคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกช่วงวัย

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 71 คน

น้ำเสาวรส ดีต่อใจ และกายของผู้สูงอายุ

น้ำเสาวรส: เครื่องดื่มจากธรรมชาติ ที่ดีต่อใจ และกายของผู้สูงอายุ

หลายคนอาจไม่รู้ว่า น้ำเสาวรสที่เราคุ้นเคย ไม่ได้แค่เปรี้ยวหวานชื่นใจ แต่ยังเป็นขุมพลังทางโภชนาการที่ดีต่อผู้สูงอายุอย่างน่าอัศจรรย์ตั้งแต่ช่วยเรื่องสมอง หัวใจ ไปจนถึงกระดูก และระบบขับถ่าย ลองดูกันว่าทำไมแค่ผลไม้ลูกเล็ก ๆ นี้ ถึงควรมีติดบ้านไว้เป็นประจำ

น้ำเสาวรสไม่ใช่แค่ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวชื่นใจเท่านั้น แต่ยังอุดมด้วยสารอาหารที่ตอบโจทย์สุขภาพของผู้สูงอายุในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงสมอง ลดความเครียด ช่วยควบคุมความดัน และไขมันในเลือด บำรุงหัวใจให้แข็งแรง เสริมสายตาให้มองเห็นชัดเจน ไปจนถึงการดูแลระบบขับถ่าย และเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับโรคได้ดีขึ้นในทุกวันด้วยคุณค่าจากธรรมชาติ
น้ำเสาวรสจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกง่าย ๆ แต่เปี่ยมพลัง ที่ลูกหลานสามารถหยิบยื่นให้ผู้สูงวัยได้ ทั้งเพื่อดูแลสุขภาพกาย และสร้างสุขภาวะใจที่ดี
ไปพร้อมกันในทุกแก้วที่ดื่ม

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 42 คน

สูงวัยไม่ถอยหลัง อยู่บ้านก็พัฒนาตัวเองได้

การพัฒนาตัวเองไม่มีวันหมดอายุ

บางครั้ง ชีวิตก็เงียบลงโดยไม่ทันรู้ตัว ไม่ใช่เพราะโลกเปลี่ยนไปเร็วขึ้น แต่เพราะเราเคยเป็น “คนสำคัญ” ที่มีบทบาทในครอบครัว ในงาน ในสังคม จนเมื่อวันหนึ่งที่ทุกอย่างเบาลง เราเลยเริ่มสงสัยว่ายังมีอะไรให้เราทำอีกไหม? คำตอบคือ มี และยังมีมากมาย เพราะแม้ร่างกายจะเดินช้าลง แต่หัวใจยังพัฒนาได้
ทุกวัน

การพัฒนาไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ แต่การได้รู้สึกว่า “เรายังมีพลังอยู่” คือพลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การอยู่บ้านในวัยสูงอายุไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ
หากเราเลือกที่จะ “อยู่กับตัวเองอย่างสร้างสรรค์” ทุกวัน คือ โอกาสใหม่ในการเติมเต็มชีวิต และทุกกิจกรรมที่ทำคือการพัฒนาตัวเองอย่างสง่างามในแบบของตัวเราเอง

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 34 คน

5 วิธีดูแล “ใจ” ของตัวเองในทุกวัน

5 วิธีดูแล "ใจ" ของตัวเองในทุกวัน

เมื่ออายุมากขึ้น หลายสิ่งอาจค่อย ๆ เปลี่ยนไป ร่างกายที่เคยคล่องแคล่วอาจช้าลง คนใกล้ตัวอาจห่างเหิน หรือบางวันก็รู้สึกเงียบเหงาโดยไม่รู้ตัวแต่ “หัวใจ” ของเรายังต้องการการดูแลเสมอ เพราะสุขภาพจิตที่ดีไม่ใช่เรื่องไกลตัว และ ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเรื่องใหญ่โต แค่เพียงหมั่นเติมพลังใจเล็ก ๆ ในทุกวัน ก็สามารถสร้างความแข็งแรงให้กับจิตใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ ลองมาดู 5 วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้หัวใจของเรายิ้มได้ แม้ในวันที่ร่างกายไม่เหมือนเดิม เพราะ “ใจไม่เหงา” ช่วยให้ชีวิตยืนยาว และมีความสุขได้จริง

เราไม่อาจหยุดวัยที่เพิ่มขึ้นได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะไม่ปล่อยให้หัวใจเหงา เพราะความเหงา ความรู้สึกไร้คุณค่า หรือภาวะซึมเศร้าในผู้สูงอายุ
ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ แต่เป็นภัยเงียบที่กัดกร่อนคุณภาพชีวิตทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว หากเราไม่ใส่ใจดูแลใจตัวเองตั้งแต่วันนี้หลายครั้งความรู้สึกทางใจ
ถูกมองข้ามเพียงเพราะไม่มีแผลให้เห็น ไม่มีไข้ให้วัด แต่ “ใจที่ไม่ไหว” คือบ่อเกิดของโรคกายที่ตามมา


การดูแลจิตใจของผู้สูงอายุจึงไม่ใช่เรื่องรอง แต่คือ “รากฐาน” ของชีวิตที่ดีในบั่นปลาย เติมพลังใจง่าย ๆ ได้ทุกวัน ด้วยการเคลื่อนไหว พบปะผู้คน
ทำสิ่งที่รัก และหมั่นพูดคุยกับคนที่ไว้ใจ เพราะบางครั้งแค่มีคนฟังอย่างเข้าใจ ก็เปลี่ยนวันเศร้าให้เป็นวันใหม่ที่มีแรงอีกครั้ง สุขภาพจิตดี ไม่ใช่ความฟลุค
แต่เป็นผลลัพธ์ของความใส่ใจ…ที่เราเลือกที่จะเริ่มต้นได้ทันที

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 30 คน

เมื่อชีวิตวัยเกษียณยังมี “หนี้” เป็นเพื่อนร่วมทาง

เมื่อชีวิตวัยเกษียณยังมี "หนี้" เป็นเพื่อนร่วมทาง

หลายคนอาจคิดว่าเมื่อถึงวัยเกษียณแล้ว ทุกอย่างควรจะเบาสบาย แต่ในความเป็นจริง ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังคงมีภาระหนี้สินที่ติดตัวมาจาก
วัยทำงาน หรือเกิดขึ้นจากเหตุจำเป็นบางประการในชีวิต เมื่อรายได้ลดลง การจัดการหนี้จึงกลายเป็นเรื่องท้าทาย แต่ไม่ใช่เรื่องที่เกินมือ

ข่าวดีคือ “หนี้” ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากเรารู้จักวิธีจัดการอย่างใจเย็นและมีแบบแผน อินโฟกราฟิกนี้สรุปเทคนิคง่าย ๆ ที่ผู้สูงอายุสามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อให้ก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างมั่นใจ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุก ๆ วัน ลองอ่านต่อ แล้วคุณจะรู้ว่า “หนี้” คือเรื่องที่เราจัดการได้จริง ๆ

“หนี้” อาจเป็นเรื่องที่หลายคนรู้สึกหนักใจ แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว การจัดการหนี้อย่างมีสติ และ วางแผนเป็นสิ่งที่ทำได้จริง หากเริ่มจากการสำรวจตัวเองอย่างรอบคอบ ปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม กล้าพูดคุยเพื่อหาทางออกกับเจ้าหนี้ และ ไม่ลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง หากเข้าใจ และ ลงมือทำตามแนวทางทั้ง 4 ข้อนี้ ก็จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถจัดการภาระหนี้ได้อย่างมั่นใจ มีชีวิตที่มั่นคง และไม่ต้องแบกรับความกังวลใจไปตลอดเส้นทางของวัยเกษียณ เพราะ ชีวิตไม่ควรต้องหยุดแค่เรื่อง “หนี้” แต่ควรเริ่มต้นใหม่อย่างมีความสุข และศักดิ์ศรี

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 47 คน

แผ่นดินไหว…ผู้สูงอายุรับมืออย่างไรให้ปลอดภัย

แผ่นดินไหว... ผู้สูงอายุรับมืออย่างไรให้ปลอดภัย ?

ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และ “ผู้สูงอายุ” คือกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ทั้งด้านร่างกาย การเคลื่อนไหว
และ การเข้าถึงข้อมูล การเตรียมตัวล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกครอบครัวไม่ควรมองข้าม และ การเข้าถึงข้อมูล การเตรียมตัวล่วงหน้าจึงเป็น
เรื่องสำคัญที่ทุกครอบครัวไม่ควรมองข้าม

🔎 รู้หรือไม่?
จากสถิติทั่วโลกพบว่า ผู้สูงอายุมีอัตราการเสียชีวิตจากภัยพิบัติสูงกว่ากลุ่มวัยอื่นถึง สองถึงสามเท่า แต่หากมีการเตรียมการที่เหมาะสม
สามารถลดความเสี่ยงได้ถึง 50% เพราะ “การเตรียมพร้อม” ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่คือ “พื้นฐานของความอยู่รอด”
สำหรับผู้สูงวัยในทุกสถานการณ์

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 71 คน

อาหารต้านฝุ่น

อาหาร "ต้านฝุ่น"

อาหารต้านฝุ่น
จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 255 คน

เทคนิค กู้กองทุนผู้สูงอายุ

เทคนิค กู้กองทุนผู้สูงอายุ

เทคนิค กู้กองทุนผู้สูงอายุ
จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 159 คน