odf_logo-1-2

กองทุนผู้สูงอายุ

เพื่อการคุ้มครอง ส่งเสริมและสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

เดือน: มิถุนายน 2568

พม. โดย กรม ผส. ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ครั้งที่ 6/2568

พม. โดย กรม ผส. ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ครั้งที่ 6/2568

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 13.30 น. นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ร่วมประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุ ครั้งที่ 6/2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพเเละอนุมัติโครงการที่ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนผู้สูงอายุ รวมทั้งอนุมัติปรับแผนปฏิบัติการกองทุนผู้สูงอายุ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (ครั้งที่ 2) โดยมี นางจตุพร โรจนพานิช รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาศักยภาพมนุษย์และสังคม เป็นประธาน การประชุมฯ พร้อมด้วย นางสาวจารุวรรณ ศรีภักดี ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุน ผู้สูงอายุ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมโป๊ยเซียน 705 ทรัพย์เจริญสุข ชั้น 7 กรมกิจการผู้สูงอายุ และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting

การประชุมครั้งนี้มีวาระสำคัญที่มุ่งเน้นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยไทยอย่าง รอบด้าน โดยได้พิจารณาอนุมัติให้กู้ยืมเงินทุนเพื่อการประกอบอาชีพแก่ผู้สูงอายุ จำนวน 196 ราย จาก 8 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นแรงสนับสนุนในการสร้างรายได้ และเสริมศักยภาพในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี พร้อมกันนี้ยังมีการพิจารณาอนุมัติ โครงการที่ขอรับสนับสนุนจากกองทุนผู้สูงอายุจำนวน 18 โครงการ ซึ่งมุ่งเน้นการดูแล ส่งเสริม และพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในมิติต่าง ๆ

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญของการประชุม คือ การอนุมัติปรับแผนปฏิบัติการกองทุนผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 (ครั้งที่ 2) โดยเฉพาะแผนด้านดิจิทัล ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทุนผู้สูงอายุในการพัฒนา เทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูล เพื่อรองรับการรวบรวมและบริหารจัดการข้อมูลผู้กู้อย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้สามารถจัดเก็บ และเรียกดูข้อมูลได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และแม่นยำ ตลอดจนช่วยให้เจ้าหน้าที่ สามารถติดตามและดูแลคุณภาพชีวิตของผู้กู้ได้อย่างใกล้ชิดและทันท่วงที ในการพิจารณาแต่ละวาระนั้นคณะกรรมการได้ร่วมกันพิจารณารายละเอียดอย่าง รอบคอบมีการซักถามถึงความจำเป็น ความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ และเปรียบเทียบข้อมูลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา เพื่อให้มั่นใจว่าทุกโครงการจะก่อ ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้สูงอายุอย่างแท้จริง โดยยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เสนอแนะแนวทางการบริหารจัดการกองทุนผู้สูงอายุ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมเน้นย้ำบทบาทของกองทุนผู้สูงอายุในฐานะกลไกสำคัญของสังคมไทยที่จะไม่เพียงเป็นที่พึ่งทางเศรษฐกิจแก่ผู้สูงวัย แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนการ เปลี่ยนผ่านสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ

กองทุนผู้สูงอายุเปิดช่องทางชำระหนี้ผ่านแอป BAAC Mobile (ธ.ก.ส.) และธนาคารอื่น ๆ สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเดินทาง

กองทุนผู้สูงอายุเปิดช่องทางชำระหนี้ผ่านแอป BAAC Mobile (ธ.ก.ส.) และธนาคารอื่น ๆ เพิ่มความสะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องเดินทาง

กองบริหารกองทุนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้ดำเนินการพัฒนาช่องทางการชำระหนี้ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile (ธ.ก.ส.) และแอปธนาคารอื่น ๆ ทุกธนาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้กู้ยืมของกองทุนผู้สูงอายุ ให้สามารถดำเนินการชำระหนี้ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และลดภาระในการเดินทาง ทั้งนี้ การให้บริการดังกล่าวมุ่งส่งเสริมให้ผู้กู้สามารถรักษาวินัยทางการเงินได้อย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลดีต่อสิทธิในการเข้าถึงบริการของกองทุนในครั้งถัดไป และเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้แก่ผู้สูงอายุในระยะยาว

ขั้นตอนการชำระหนี้ผ่านแอป BAAC Mobile (ธ.ก.ส.) และธนาคารอื่น ๆ

ผู้กู้สามารถดำเนินการชำระหนี้ได้ง่าย ๆ ดังนี้

  1. ขอรับ “แบบฟอร์มชำระหนี้กองทุนผู้สูงอายุ (ฉบับใหม่)” ได้ที่
    ▪ กองทุนผู้สูงอายุ กรุงเทพฯ (ส่วนกลาง)
    ▪ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (ส่วนภูมิภาค) ใกล้บ้าน
    ▪ หรือขอรับทางออนไลน์ผ่าน LINE OA: @ODF.DOP

  2. เปิดแอปพลิเคชัน BAAC Mobile หรือแอปพลิเคชันธนาคารอื่น ๆ ที่ผู้กู้ต้องการใช้งานในการชำระหนี้

  3. เลือกเมนูชำระเงินด้วย “วิธีสแกนบาร์โค้ด” ในแอปพลิเคชันของธนาคารนั้น ๆ แล้วใช้กล้องมือถือสแกนบาร์โค้ดจากแบบฟอร์มชำระหนี้กองทุนผู้สูงอายุฉบับใหม่

  4. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง แล้วกด “ยืนยัน” เพียงเท่านี้ก็สามารถชำระหนี้ได้สำเร็จ

หมายเหตุ: กรุณาตรวจสอบข้อความเหนือบาร์โค้ดว่าระบุว่า “ชำระเงินผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารอื่น ๆ” ก่อนชำระหนี้ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile หรือแอปธนาคารอื่น ๆ ทุกครั้ง เพื่อให้การชำระเงินเป็นไปอย่างถูกต้องในการชำระหนี้

การชำระหนี้สามารถดำเนินการได้ ระหว่างวันที่ 1–5 ของทุกเดือน ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สำนักงานอีกต่อไป

“ชำระคืนไว ส่งต่อโอกาสใหม่ให้เพื่อนผู้สูงวัย เข้าถึงกองทุนผู้สูงอายุ”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2354 6100 ต่อ 402

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 699 คน

หัวใจของนักสังคมสงเคราะห์

เรื่องราวของ “พี่มุ่ย” ธัญธิตา พุ่มอิ่ม ผู้หญิงธรรมดาที่ศรัทธาในอาชีพ…จนกลายเป็นพลังพิเศษของระบบราชการ

“เราอาจช่วยเขาไม่ได้ทั้งหมด แต่แค่เขายิ้มได้ มีแรงจะลุกขึ้นอีกครั้ง เราก็มีความสุขไปด้วยแล้ว” เสียงจากใจของ พี่มุ่ย – ธัญธิตา พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการกลุ่มบริการ กองบริหารกองทุนผู้สูงอายุ อาจเป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่กลับสะท้อนสาระสำคัญของอาชีพ นักสังคมสงเคราะห์ ได้ชัดเจนที่สุด อาชีพที่ต้องทำด้วย หัวใจ ไม่ใช่แค่ หน้าที่

กว่าสองทศวรรษบนเส้นทาง “ศรัทธาในคุณค่าของมนุษย์”

สำหรับพี่มุ่ยการทำงานในฐานะนักสังคมสงเคราะห์ ไม่ใช่แค่อาชีพ แต่คือภารกิจชีวิต ตลอดเวลากว่า 20 ปีในระบบราชการ เธอไม่ได้เพียงยึดมั่นในบทบาท แต่เธอยัง “ศรัทธา” ในพลังของมนุษย์คนหนึ่งที่พร้อมจะลุกขึ้นใหม่ หากได้รับโอกาส พี่มุ่ยเริ่มต้นจากตำแหน่งนักสังคมสงเคราะห์ 3 เดินทางผ่านงานด้านคนพิการ ผู้หญิง เด็ก เยาวชน และในช่วงปลายของชีวิตราชการ เธอได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านผู้สูงอายุ ซึ่งเปลี่ยนจากโครงการช่วยเหลือแบบครั้งคราวไปสู่การสร้างระบบสนับสนุนอย่างยั่งยืนผ่านกองทุนผู้สูงอายุ เราไม่ได้แค่ให้เงินแต่เราต้องทำให้เขาเชื่อว่าตัวเขายังมีคุณค่าเพราะบางครั้งศักดิ์ศรีของมนุษย์มันอยู่ที่การลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่การรอความช่วยเหลือประสบการณ์การช่วยหญิงสาวติดเชื้อ HIV/AIDS รายหนึ่งให้มีอาชีพกลายเป็นทั้งแรงบันดาลใจ      และหัวข้อวิจัยระดับปริญญาโทในหัวข้อ การสร้างพลังอำนาจในตัวเองของสตรีที่ติดเชื้อ HIV/AIDS” ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าการพัฒนาสังคมไม่ใช่เรื่องของโครงการ แต่คือความต่อเนื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง “รัฐ” กับ “ประชาชน” อย่างแท้จริง

การฟังอย่างแท้จริงคือเครื่องมือสำคัญที่สุดของนักสังคมสงเคราะห์

แม้พี่มุ่ยจะเคยดำรงตำแหน่งในสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ มานานนับสิบปีแต่การย้ายมาทำงานด้านผู้สูงอายุที่ดูเหมือนเป็น “กลุ่มเป้าหมายปลายทาง” กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เธอรู้สึกว่าได้กลับมายืนอยู่ในพื้นที่ของ “หัวใจมนุษย์” อย่างแท้จริงผู้สูงวัยไม่ได้ต้องการอะไรซับซ้อน พวกเขาแค่อยากมีคนฟัง และไม่ถูก   มองข้าม สำหรับพี่ มันเหมือนคุยกับพ่อแม่ที่บ้าน มันคือความอ่อนโยนที่เราพกมาตั้งแต่เด็ก เธอเชื่อว่าผู้สูงอายุยังมีศักยภาพ แม้ร่างกายจะเปลี่ยนไป และนั่นคือเหตุผลที่งานของนักสังคมสงเคราะห์ต้องมองข้ามตัวเลขอายุ ไปยัง “ทุนชีวิต” ที่แต่ละคนแบกมาเพื่อจะสามารถออกแบบการสนับสนุนที่เหมาะสมกับศักยภาพนั้นได้

นอกจากนี้กองทุนผู้สูงอายุยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาทักษะอาชีพผ่านการให้เงินสนับสนุนชมรม/องค์กรของผู้สูงอายุ และองค์การเอกชน ที่ได้รับการรับรองเป็นองค์กรสาธารณประโยขน์ ดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับการคุ้มครอง ส่งเสริม สนับสนุนผู้สูงอายุอีกด้วย เพื่อให้ผู้สูงวัยไม่ได้รับแค่ “เงินทุน” แต่ยังได้รับ “เครื่องมือ” ที่จะยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน

นักสังคมสงเคราะห์ = ผู้อยู่กับความเจ็บปวด…โดยไม่หันหน้าหนี

ในการนิยามอาชีพของตัวเอง พี่มุ่ยไม่ได้พูดถึงภารกิจในเชิงโครงการหรือระเบียบราชการแต่กลับ     พูดถึง “หัวใจ” อย่างเรียบง่ายแต่ทรงพลัง มันไม่ใช่แค่อาชีพ แต่มันคือหัวใจของคนที่เลือกจะอยู่กับความเจ็บปวดของคนอื่นเพื่อจะทำให้เขากลับมายืนได้อีกครั้งนักสังคมสงเคราะห์ไม่ใช่ผู้แก้ปัญหาแทน แต่คือคนที่ไม่  ละสายตาไปจากผู้ที่อยู่ในภาวะเปราะบาง คอยอยู่ตรงนั้นแม้ในวันที่ทุกคนเดินผ่านไป และนั่นคือบทบาทที่ไม่มีระบบราชการใดระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแต่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมวิชาชีพที่ต้องสั่งสมผ่านประสบการณ์ และหัวใจ

ถอดบทเรียนเพื่อส่งต่อไฟในมือคนรุ่นใหม่

หลังจากรับราชการกว่า 20 ปีแต่สิ่งที่เธอฝากไว้ไม่ใช่เพียงแฟ้มงาน หรือผลสัมฤทธิ์ในรายงาน         หากคือแนวคิดที่สำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของงานสังคมสงเคราะห์ในประเทศไทย การทำงานราชการอาจมีข้อจำกัด แต่อย่าลืมว่าความศรัทธาในอาชีพคือพลังที่ทำให้เรายังเปลี่ยนชีวิตใครบางคนได้ แม้จะเป็นแค่หนึ่งคนในร้อยคนในระบบที่อาจเคลื่อนตัวช้า ในพื้นที่ที่นโยบายยังไม่สมบูรณ์บทบาทของคนตัวเล็ก ๆ ที่มีหัวใจใหญ่มาก ๆ นั้น คือหัวใจของระบบสวัสดิการทั้งหมด

หัวใจนั้น จะยังอยู่ต่อไปในมือของคุณ

แม้จะวางมือจากตำแหน่ง แต่พี่มุ่ยไม่ได้วางหัวใจเธอฝากแรงบันดาลใจไว้ในทุกไฟล์งานที่ยังหมุนอยู่ในระบบ ฝากไว้ในทุกบทสนทนาที่เคยรับฟังผู้คนและที่สำคัญฝากไว้ในความกล้าหาญของนักสังคมสงเคราะห์   รุ่นใหม่ทุกคน อย่ากลัวที่จะฟัง อย่ากลัวที่จะรู้สึก และอย่ากลัวที่จะเปลี่ยนบางอย่าง เพราะนั่นคือสิ่งที่คนในวิชาชีพนี้ควรจะกล้าทำแม้จะอยู่ในกรอบของระบบ

หากคุณเป็นนักสังคมสงเคราะห์ หรือผู้ปฏิบัติงานในรัฐ บทสัมภาษณ์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าจากรุ่นพี่ แต่คือ บทเรียนแห่งการศรัทธาในมนุษย์ ที่รอการส่งต่อในมือคุณ

จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 456 คน